ถ้าพูดถึงสัตว์เลี้ยงแล้ว หลายคนคงจะนึกถึงสุนัขและแมวเป็นอันดับต้น ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ปลาสวยงามก็สัตว์เลี้ยงอีกหนึ่งชนิดที่ผู้คนนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด โดยเฉพาะปลาทอง เพราะปลาทองนั้นเป็นปลาสวยงามที่เลี้ยงง่าย ขนาดตัวเล็ก กลม และน่ารัก อีกทั้งยังเป็นสัตว์ที่มีความเชื่อว่าจะนำพาความโชคดีและมั่งคั่งมาสู่ผู้เลี้ยงด้วย เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็มีความคิดที่อยากจะเลี้ยงปลาทองกันอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับ สายพันธุ์ปลาทองก่อนเลย ศึกษาและทำความเข้าใจก่อนเลี้ยงจะดีที่สุด
รูปร่างลักษณะของ 9 สายพันธุ์ปลาทองที่คนไทยนิยมเลี้ยง
1.ปลาทองโคเมท (Comet)
ปลาทองสายพันธุ์โคเมทเป็นปลาทองต้นตระกูลของทุกสายพันธุ์ปลาทอง ลักษณะภายนอกจะคล้ายกับปลาคาร์ฟ แต่มีหางที่ยาวกว่า มีลำตัวเรียวยาวสวยงามและเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว ซึ่งที่มาของชื่อโคเมทนั้นคือเป็นชื่อของดาวหางชนิดหนึ่ง ที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วนั่นเอง ปลาทองโคเมทถือเป็นสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในโซนยุโรปมากที่สุด ส่วนมากแล้วปลาทองโคเมทจะมีสีล้วนทั้งตัว เช่น สีส้ม สีแดง เลี้ยงง่าย เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดยาวถึง 12-15 นิ้ว
2.ปลาทองริวกิ้น (Ryukin หรือ Veiltail Goldfish)
ปลาทองริวกิ้น เป็นปลาทองที่มีลักษณะตัวกลมและสั้น แต่หางจะยาวและแผ่สวยเป็นพิเศษ ลักษณะของปลาทองริ้วกิ้นที่ดีคือหางจะพลิ้วสวย เวลาว่ายน้ำครีบก็จะบานออกและดูสง่า เกล็ดเรียงสวย แต่ปลาทองสายพันธุ์นี้ถือว่าเลี้ยงยากมากหากเทียบกับพันธุ์ปลาทองอื่น ๆ เพราะมีภูมิคุ้มกันน้อย แต่ก็เป็นสายพันธุ์ปลาทองที่นิยมเลี้ยงเพราะว่ามีความสวยงาม ปลาทองริวกิ้นนิยมอยู่กันเป็นฝูง ตอบสนองกับสิ่งเร้าได้ไว
3.ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์ญี่ปุ่น (Ranchu)
ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์ญี่ปุ่นจะมีความคล้ายกับพันหัวสิงห์จีน และทันรันชู ลักษณะของปลาทองสายพันธุ์นี้จะมีวุ้นละเอียดอยู่ที่หัว นิยมเลี้ยงในตู้มากกว่าเลี้ยงในบ่อหรือในอ่าง ส่วนมากแล้วปลาทองสายพันธุ์หัวสิงห์ญี่ปุ่นนั้นจะนิยมนำไปประกวด เพราะลักษณะของสายพันธุ์ปลาทองจะมีความสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ ลำตัวสั้น หลังโค้งมน หางสั้นและเชิดขึ้น ดูสง่า
4.ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์สยาม (Siamese Lionhead)
ปลาทองหัวสิงห์สยาม หรือเรียกอีกชื่อคือหัวสิงห์ตามิดดำ เป็นปลาทองที่ถูกคิดค้นพัฒนาสายพันธุ์จากประเทศไทย มีลำตัวสีดำสนิทซึ่งเป็นที่มาของชื่อหัวสิงตามิดดำ ลักษณะจะเป็นสีดำทั้งตัวรวมถึงดวงตา อีกทั้งยังปิดบริเวณดวงตาจนมิดแทบมองไม่เห็น ลำตัวไม่หนามาก ครีบสั้น ไม่มีครีบหลัง
5.ปลาทองพันธุ์ออรันดาหัววุ้น (Dutch Lionhead)
ลักษณะของปลาทองสายพันธุ์ออรันดาหัววุ้น ก็ตามชื่อเลย บริเวณหัวของปลาทองสายพันธุ์นี้จะเป็นวุ้นใหญ่มีเอกลักษณ์ หัวทุย ครีบแผ่กว้างสวยงามเวลาแหวกว่าย และเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ปลาทอง ที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุด
6.ปลาทองพันธุ์เล่ห์ หรือปลาทองพันธุ์มัว (Black Telescope Eyes Goldfish หรือ Black Moor)
ปลาทองพันธุ์นี้ อาจเรียกได้ว่า Black Moor เพราะมีลักษณะเป็นสีดำทั้งตัว ชาวญีปุ่นเรียก Kuro Demekin แปลว่า “ตาโปนสีดำ” เพราะตาของปลาทองสายพันธุ์นี้จะโปนออกมา แต่ก็ไม่มากนัก เป็นปลาทองสายพันธุ์หนึ่งที่นิยมเลี้ยงกัน หรือคนนั้นมักจะเรียกติดปากกันว่า ปลารักเล่ห์ นั่นเอง
7.ปลาทองพันธุ์ตาลูกโป่ง (Bubble Eye Goldfish)
ปลาทองพันธุ์ตาลูกโป่งเป็นปลาทองสายพันธุ์จีน แต่ถูกพัฒนาโดยชาวญี่ปุ่น ชื่อญี่ปุ่นว่า ซุอีโฮกัน (Suihogan) ลักษณะของปลาสายพันธุ์นี้จะมีถุงน้ำอยู่ใต้ตาและจะแกว่งไปแกว่งมาเวลาว่ายน้ำ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสายพันธุ์นั่นเอง เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ปลาทอง ที่ถือว่าเลี้ยงยาก เพราะต้องคอยระวังถุงน้ำบริเวณใต้ตาของปลาทองว่าจะมีอาการช้ำเลือดหรือแตกได้ง่าย
8.ปลาทองพันธุ์เกล็ดแก้ว (Pearl Scale Goldfish)
ปลาทองสายพันธุ์เกล็ดแก้ว จะมีลักษณะลำตัวที่อ้วนกลม มีหัวเล็ก แต่หางและครีบจะยาวกว่าลำตัว บริเวณเกล็ดนั้นจะแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นคือเกล็ดจะนูนออกมา เป็นที่มาของชื่อเกล็ดแก้วนั่นเอง แต่เกล็ดนั้นก็มีความแข็งแรงมากเลยทีเดียว ซึ่งปลาทองสายพันธุ์นี้ส่วนมากจะเป็นสีส้ม ขาว และทอง
9.ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์จีน (Chinese Lionhead)
ปลาทองสายพันธุ์หัวสิงห์จีน เป็นปลาสายพันธุ์ต้นตระกูลของหัวสิงห์ มีลักษณะคือ หัวเป็นวุ้นละเอียด หัวทุยสวย ถูกพัฒนาจากประเทศจีนมามากกว่า 200 ปี โดยที่มาของชื่อนั้น มาจากบริเวณหัวของปลาทองนั่นเอง ลักษณะหัวจะคล้ายกับสิงโตในประเทศจีน จึงถูกเรียกว่าปลาทองสายพันธุ์หัวสิงห์จีน อีกทั้งยังเป็นสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงมากที่สุด เพราะมีความสวยงาม
ปลาทอง เป็นปลาสวยงามที่มีผู้คนนิยมเลี้ยงมากที่สุดในบรรดาปลาสวยงามทั้งหมด เพราะเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย มีลำตัวเล็ก น่ารัก ถึงแม้ว่าปลาทองส่วนมากแล้วจะมีภูมิคุ้มกันน้อย แต่เมื่อเวลาป่วยมันก็สามารถรักษาตัวเองได้ดี หากท่านใดสนใจอยากเลี้ยงปลาทอง แนะนำให้ศึกษาวิธีการเลี้ยงให้ดี รวมถึงศึกษาสายพันธุ์ปลาทองเพื่อที่จะเลี้ยงได้อย่างถูกวิธีนั่นเอง
